Google Search เป็นช่องทางสำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ รวมถึงสร้างความมั่นใจในการซื้อสินค้าและใช้บริการ ซึ่งทุกวันนี้ผู้บริโภคมีความรู้และความเข้าใจในการค้นหาข้อมูลบน Google Search มากขึ้น มีการใช้คำค้นหาที่เฉพาะเจาะจงขึ้น วันนี้เราขอแชร์กุญแจสำคัญ 4 ข้อที่จะทำให้การโฆษณาบน Google Search เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค
1) พฤติกรรมการ Search เป็นเสมือนตัวชี้วัดความสนใจของสินค้าและแบรนด์
ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้ใช้ Google Search เพื่อค้นหาสินค้าหรือบริการเท่านั้น จากข้อมูลพบว่าผู้บริโภคทำการค้นหาข้อมูลตั้งแต่การหาตัวเลือกสินค้าไปจนกระทั่งการซื้อ
![Wagtail 1.png](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_1_LoVW21B.png)
ด้วยข้อมูลดังกล่าวนั้น ทำให้หลายองค์กรหันมาพึ่งพาข้อมูลจากพฤติกรรมการค้นหาสินค้าบน Google Search เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรือคาดการณ์การซื้อของผู้บริโภค
![Wagtail 2](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_2_eigCcBa.png)
2) สร้างความน่าเชื่อถือด้วยเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
เมื่อ Google Search เป็นช่องทางหลักที่ทำให้ลูกค้าได้เจอกับแบรนด์สินค้าต่างๆ แบรนด์ก็ควรสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยเว็บไซต์ปลายทางที่ดีเช่นกัน เพราะเว็บไซต์เป็นที่ที่ลูกค้าจะศึกษา เรียนรู้ และทำความรู้จักสินค้าและแบรนด์ จากการวิจัยพบว่า 55% ของนักช็อปใช้เว็บไซต์ในการตัดสินใจซื้อสินค้า การออกแบบที่น่าใช้งาน รวมถึงประสบการณ์การใช้งานและข้อมูลที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องคำนึงถึงเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีของลูกค้า
![Wagtail 3](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_3_9u1dU1N.png)
3) ใช้เทคโนโลยีช่วยคัดสรรและเลือกคอนเทนต์ที่ใช่เพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงใจ
เมื่อผู้บริโภคมีพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลที่ละเอียดและลึกขึ้นกว่าเดิม การนำเสนอสินค้าหรือสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายก็ต้องมีความพยายามที่จะเข้าใจ รู้ใจ และสื่อสารออกไปให้ตรงใจเพื่อที่จะทำให้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างที่หวังไว้
ตัวอย่างเช่น Unilever ใช้ Dynamic Search Ads (DSA) เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ด้วยการใช้เว็บไซต์ All Things Hair เป็นตัวกำหนดเป้าหมายโฆษณา โดยที่ Headline และหน้า Landing Page ของโฆษณาบน Google Search จะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ถือเป็นการใช้ Marketing Automation ที่ตรงเป้าหมายและประหยัดเวลาด้วย
![Wagtail 4](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_4.png)
นอกจากนั้น คนอร์ ได้ใช้ Responsive Search Ads (RSA) ที่ปรับเปลี่ยนคำโฆษณาตามบริบทความสนใจและจับคู่คำโฆษณาให้สอดคล้องกับคำค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย แบบ personalization at scale เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สร้างความคุ้มค่าให้กับการลงโฆษณา ลดค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น และทำได้ง่ายด้วย
4) ตั้งเป้าหมายของการโฆษณาให้ถูกต้อง
การเลือกเป้าหมายของแคมเปญโฆษณาที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเมื่อกำหนดเป้าหมายแล้ว Automated bidding strategy หรือกลยุทธ์การเสนอราคาแบบอัตโนมัติ ของการโฆษณาบน Google Search สามารถช่วยกำหนดราคาเสนอ (bids) โดยใช้ Machine Learning เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า การเสนอราคา cost-per-click ด้วยตนเอง
![Wagtail 5](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_5.png)
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้บริโภคสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและอาหารเสริมมากขึ้น Brand’s Suntory จึงเห็นโอกาสสร้างผลลัพท์ทางธุรกิจผ่านการใช้ Automated bidding strategy ของการโฆษณาบน Google Search เพื่อตอบโจทย์การตลาดที่หลากหลาย ซึ่งส่งผลให้ได้จำนวนคลิกมากขึ้นในงบประมาณที่เท่าเดิม และทำให้เพิ่ม traffic บนเว็บไซต์และ e-commerce ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![Wagtail 6](https://storage.googleapis.com/twg-content/original_images/Wagtail_6_1AmjMMA.png)
จากแนวทาง 4 อย่างข้างต้นนั้น จะเห็นได้ถึงแนวทางสำคัญเพื่อปรับโฆษณาบน Google Search ให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญอันทรงประสิทธิภาพเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ซึ่งเชื่อได้ว่าแบรนด์สินค้าที่เริ่มประยุกต์แนวทางดังกล่าวจะสามารถสร้างแคมเแปญการตลาดที่ยอดเยี่ยมได้เหมือนกับแบรนด์ชั้นนำมากมายที่ได้นำ Google Search ไปใช้เป็นช่องทางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของตัวเอง