ในทุกๆ วัน ผู้คนนับพันล้านคนใช้ Google เพื่อหาคำตอบให้คำถามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ซึ่งส่วนมากก็มักจะเป็นคำถามที่ซับซ้อนและสร้างความท้าทายในการหาคำตอบ เช่น การวางแผนไปเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดหรือการซ่อมข้าวของเครื่องใช้
หากเป็นคำถามธรรมดาๆ เช่น “อากาศพรุ่งนี้เป็นไง” คุณเองก็คงรู้อยู่แล้วว่าต้องการคำตอบแบบไหน แต่คำถามที่ซับซ้อนนั้นต้องอาศัยการค้นหาที่ทั้งกว้างขึ้นและแคบลงเพื่อสำรวจหัวข้อหรือหาคำตอบ ทั้งนี้ผู้คนต้องค้นหาโดยเฉลี่ย 8 ครั้งจึงจะเจอคำตอบเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อน1
ในอีเวนต์ Search On ล่าสุดของ Google เราได้แชร์วิธีที่นวัตกรรมต่างๆ ของ AI ช่วยจัดการข้อมูลบนโลกนี้ให้มีประโยชน์ยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความสามารถให้ผู้คนในการจัดการกับเรื่องซับซ้อนได้เร็วและง่ายขึ้น ซึ่งนวัตกรรมต่างๆเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและนักการตลาดที่ต้องการเข้าถึงพวกเขาด้วย
ผู้คนต้องค้นหาโดยเฉลี่ย 8 ครั้งจึงจะเจอคำตอบเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากที่เราเปิดตัว Multitask Unified Model (MUM) ไปก่อนหน้านี้ ทีมผู้บริโภคของเราก็ได้ทดสอบความสามารถของโมเดลนี้ในการช่วยหาคำตอบให้กับเรื่องที่ซับซ้อน โดยเราได้เห็นตัวอย่างของสิ่งที่โมเดลนี้ทำได้ที่อีเวนต์ Search On
MUM คือก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ Google ในการทำความเข้าใจข้อมูลและมอบผลการค้นหาที่ดีขึ้นบน Search โดยเป็นหนึ่งในโมเดล AI ตัวแรกที่ทำงานได้ต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal) นั่นหมายความว่ามันสามารถทำความเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมๆ กัน เช่น ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ นอกจากนี้ยังสามารถหาความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิด หัวข้อ และไอเดีย เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลชุดใหม่อีกด้วย
นวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ Google เข้าใจคำถามและเรื่องที่ซับซ้อนในแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อนซึ่งนำไปสู่มิติใหม่ในการค้นหาของผู้คน
คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับคำถามที่ซับซ้อน
ลองจินตนาการดูว่า หากคุณกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่ในบ่ายวันอาทิตย์ แล้วจู่ๆ จักรยานของคุณก็เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ คุณเห็นว่าจักรยานมีปัญหาแต่ไม่รู้จะอธิบายปัญหานี้ออกมายังไง ถ้าช่างซ่อมจักรยานอยู่ใกล้ๆ คุณคงชี้ให้ดูปัญหาและขอคำแนะนำจากเขา
แต่อีกไม่นาน คุณจะสามารถใช้ Google Lens ในการหาคำอธิบายของปัญหาเช่นนี้ได้ เพียงแค่คุณเล็งกล้องไปที่จักรยานและถามว่า “ซ่อมอย่างไร?” Google จะสามารถระบุถึงปัญหา (ในกรณีนี้คือตีนผีสับเกียร์หลัง) และพาคุณไปยังแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์เช่น วิดีโอบน YouTube เพื่อหาคำตอบให้กับปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่
นอกจากนี้ เราได้เพิ่มความสามารถในการระบุช่วงเวลาสำคัญในวิดีโอจากผลการค้นหาโดยตรง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถข้ามไปยังเนื้อหาส่วนที่ต้องการได้ทันที บริษัทผลิตจักรยานอาจมีวิดีโอแก้ปัญหาแบบทีละขั้น หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานอาจทำวิดีโอ “How To” สอนซ่อมตีนผี ซึ่งไม่ว่าคุณจะชมวิดีโอของใคร คุณก็สามารถซ่อมจักรยานของคุณด้วยตัวเองได้
การใช้ MUM จะช่วยให้ Google แสดง “หัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” ที่ถูกพูดถึงในวิดีโอเหล่านั้น และช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาตรงหน้ามากขึ้น ในกรณีนี้ เทคโนโลยีของเราอาจะทำให้คุณค้นพบว่า คุณควรเปลี่ยนโซ่จักรยานที่เสื่อมสภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องตีนผีขึ้นอีก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจาก Google Search ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้คนก็จะสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้นและเจอผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เพื่อกลับไปทำสิ่งที่ชอบ เช่น การปั่นจักรยาน ได้อย่างง่ายดาย
ความสำคัญของ Automation ที่ผู้ลงโฆษณาไม่ควรมองข้าม
ศักยภาพในการค้นหาใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้คนมีทางเลือกใหม่ๆ ในการหาคำตอบให้กับข้อสงสัย รวมทั้งยกระดับการสำรวจและพบเจอหัวข้อต่างๆ ที่สำคัญสำหรับตนเอง
ผู้ลงโฆษณาที่มองการณ์ไกลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และได้นำ Automation มาใช้กับทุกแง่มุมของแคมเปญโฆษณาใน Search
ธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในอนาคตจะต้องมีความคล่องแคล่วในการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ธุรกิจได้ปรากฏในผลการค้นหาในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ ดังนั้น การทำการตลาดบน Search แบบดั้งเดิมที่ลงทุนไปกับกระบวนการและใช้สัญชาตญาณในการค้นหาลูกค้า สร้างครีเอทีฟโฆษณา และเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาด้วยตนเองจะไม่สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากผู้คนต่างเริ่มที่จะค้นหาด้วยวิธีใหม่ๆ
ผู้ลงโฆษณาที่มองการณ์ไกลได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และได้นำ Automation มาใช้กับทุกแง่มุมของแคมเปญโฆษณาใน Search
ตัวอย่างเช่น ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 Nespresso ได้ทำการรวบรวมแคมเปญ Search กว่า 130 แคมเปญให้เหลือเพียง 20 แคมเปญและปล่อยให้ Automation จัดการแคมเปญทั้งหมดเหล่านั้น
เมื่อเกิดโควิด-19 วิธีนี้ก็ถูกนำมาทดสอบ ร้านกาแฟและร้านค้าปลีกทั่วเยอรมนีต่างปิดให้บริการ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในคำค้นหาทั้งคำใหม่และคำที่เกี่ยวข้อง แคมเปญใน Google Search ของ Nespresso ได้ตอบสนองต่อเรื่องนี้โดยทันที โดยมีทั้งการปรับราคาเสนอของคีย์เวิร์ดโดยอัตโนมัติและจัดสรรงบประมาณใหม่ การนำลูกค้าไปที่ร้านค้าออนไลน์ทำให้ Nespresso มียอดขายจากการค้นหาเพิ่มขึ้น 13% และยอดซื้อจากลูกค้าเพิ่มขึ้น 25% เทียบกับปีก่อน
ในอนาคต นวัตกรรมบน Google Search จะยังคงมอบวิธีใหม่ๆ ให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลและเชื่อมต่อกับธุรกิจรอบตัว ปัจจุบันนี้คือเวลาที่นักการตลาดจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต และเรียนรู้วิธีการนำ Automation มาใช้เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและการเติบโตในระยะยาวให้กับธุรกิจ