Lorraine Twohill ซึ่งเป็น Chief Marketing Officer ของ Google ได้แชร์มุมมองที่เธอมีต่อ AI และความคิดสร้างสรรค์ บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบน Fortune.com
ระหว่างการสนทนาขณะรับประทานอาหารกลางวันเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจหญิงคนหนึ่งหันมาหาฉันและถามว่า "Lorainne ฉันจะตามเทคโนโลยีทันไหมเนี่ย" คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับ AI ในขณะนี้
แน่นอนล่ะว่ามีเรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย เพราะ AI จะช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งเล็กและใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยมะเร็ง การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือเพียงแค่ช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในช่วง 20 ปีที่ทำงานกับ Google และ 30 ปีในอุตสาหกรรมโฆษณาก็คือ เรากำหนดทิศทางของเทคโนโลยีได้ด้วยการนำมาใช้
ความตื่นเต้นนี้มาพร้อมกับความกลัว ความกลัวที่จะไม่เข้าใจเทคโนโลยี ความกลัวที่จะทำผิดพลาด และเช่นเดียวกับผู้ประกอบการเพื่อนฉันรายนี้ เธอกลัวที่จะพลาดโอกาส แต่สบายใจได้ คุณไม่ได้รู้สึกอยู่คนเดียว ในการสำรวจล่าสุด มีผู้นำธุรกิจเพียง 32% เท่านั้นที่กล่าวว่าบริษัทของตนนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลาย พวกเรายังคงพยายามหาวิธีที่จะนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับทีมของเรา รวมทั้งวิธีตั้งเป้าความสำเร็จที่ต้องการ
เราทุกคนยังคงทดสอบและเรียนรู้วิธีการแปลงเทคโนโลยี AI นี้ให้เป็นมูลค่า เครื่องมือ AI มีพร้อมใช้งานอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมขั้นสูงหรือความรู้ด้านการเขียนโค้ดเพื่อใช้งาน ทุกคนสามารถทดลองใช้และเริ่มเล่นได้เลย
แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ยังทำสิ่งเหล่านั้นไม่มากพอ
แนวทางนี้ต้องริเริ่มจากระดับสูงสุดในองค์กร ในฐานะผู้นำ เราต้องลงมือปฏิบัติจริงและใช้เครื่องมือ AI ในการทำงานและในชีวิต เราต้องลองใช้กับกรณีการใช้งานและโซลูชันต่างๆ ให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันเครื่องมือ AI สามารถค้นหาอีเมลจากโรงเรียนของลูกๆ ของฉันพร้อมระบุวันที่สำคัญทั้งหมด สรุปเธรดอีเมลเกี่ยวกับงานทั้งหมด ให้ข้อเสนอแนะแก่ฉันว่าผลงานสร้างสรรค์จะได้รับการตอบรับอย่างไร หรือแม้กระทั่งแต่งบทกวีที่ไพเราะให้ก็ยังได้
นอกจากนี้ เราต้องเปิดโอกาสให้ทีมของเราได้ลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แนวคิดต่างๆ มักมาจากทุกที่และมักมาจากที่ที่คุณคาดไม่ถึง ส่งเสริมให้ทีมของคุณ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปฏิบัติการ การตลาด การขาย หรือวิศวกรรม ได้ลองใช้เครื่องมือ AI ต่างๆ
เมื่อความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีมาบรรจบกัน เราจะสามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งได้
ที่ Google เรามุ่งมั่นที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความอยากรู้อยากเห็นซึ่งผู้คนต่างพยายามลองผิดลองถูก โดยแบ่งปันสิ่งที่ได้ผลและไม่ได้ผลให้กันเป็นประจำ โครงการ "การลองใช้แบบ Dogfood" ของเราเป็นวิธีหนึ่งที่เราสนับสนุนให้ทุกคนใช้ฟีเจอร์ผลิตภัณฑ์ในช่วงเริ่มต้น และในงานแฮ็กกาธอนที่เราจัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ก็ได้มีการรวบรวมทีมงานจากทั่วบริษัทเข้าด้วยกันและคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการใช้ AI
ไม่มีวิธีที่ผิดในการทดลอง บริษัทอาจเริ่มต้นด้วยการระบุประเด็นปัญหาที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซที่ใช้ Generative AI เขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์ในสเกลใหญ่ หรือแพลตฟอร์มการออกแบบกราฟิกที่ทำให้การสร้างวิดีโอเร็วขึ้นด้วย AI
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้เผยแพร่วิธีการที่ธุรกิจกว่า 100 แห่งใช้ AI เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น อีกทั้งยังได้เปิดตัวหลักสูตรเพื่อช่วยให้ทุกคนหันมาใช้ AI ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก องค์กรไม่แสวงหากำไร หรือหน่วยงานของรัฐ
ฉันสนใจเป็นพิเศษว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและส่งผลดีต่อการตลาดอย่างไร เช่นเดียวกับพวกเราหลายๆ คนที่กำลังจะไปงานเทศกาล Cannes Lions บางคนมองว่า AI จะมาคุกคามธรรมชาติของความคิดสร้างสรรค์ แต่ฉันไม่เห็นด้วย
AI ไม่ได้มาแทนที่เรา แต่สามารถส่งเสริมกระบวนการคิดและการตัดสินใจให้กับทีมของเราได้
ผู้ทำงานด้านครีเอทีฟได้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่มานานแล้ว พวกเขาใช้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นโอกาสในการทดลองสิ่งใหม่ๆ ก่อนใคร และพบว่ามันสามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับเราทุกคนได้ในที่สุด
ฉันโชคดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับเหล่านักสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งแม้แต่คนเก่งๆ เหล่านี้ก็ยังรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของการคิดงานไม่ออก ดังนั้นจงให้ AI เป็นผู้เผชิญความน่ากลัวนั้นแทนด้วยการคิดฉบับร่างให้คุณ เพื่อให้คุณได้ปลดปล่อยตัวเองแล้วใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณอย่างเต็มที่หลังจากนั้นต่อไป
นอกจากนี้ AI ยังช่วยประหยัดเวลาให้กับนักการตลาดได้เป็นจำนวนมาก ที่ Google เราใช้ AI เพื่อสร้างโฆษณาหลายเวอร์ชันในเวลาที่เทียบเท่ากับการสร้างโฆษณาเพียงเวอร์ชันเดียวในอดีต และเราใช้ AI เพื่อแปลข้อความโฆษณาและเผยแพร่แคมเปญใน 150 ประเทศ
แต่ AI ก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับเครื่องมืออื่นๆ นั่นคือเหตุผลที่มนุษย์ยังคงมีความสำคัญ เมื่อเราใช้ AI แปลข้อความโฆษณา เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนจริงๆ จะตรวจสอบเนื้อหาทุกส่วนก่อนที่จะเผยแพร่ AI สามารถส่งเสริมกระบวนการคิดและการตัดสินใจให้กับทีมของเราได้ แต่ไม่ได้มาแทนที่เรา AI สามารถช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น และในสเกลใหญ่ขึ้น แต่ยังคงต้องอาศัยการตัดสินใจที่ดีของมนุษย์อยู่
ณ ตอนนี้ สิ่งที่ฉันจะบอกกับเพื่อนเจ้าของธุรกิจของฉันได้ก็คือ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
อนาคตของ AI นั้นไม่แน่นอน แต่จะถูกกำหนดโดยการกระทำของเราในวันนี้ เราทุกคนต่างก็ต้องมีความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์อันน่าทึ่งและทำให้ผลงานของเรานั้นยอดเยี่ยม
เราอาจไม่ได้มีโอกาสสร้างอนาคตร่วมกันบ่อยนัก แต่ตอนนี้ล่ะ โอกาสนั้นมาถึงแล้ว