การปิดช่องโหว่ของแบรนด์ในด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy) เป็นเรื่องที่ไม่ควรรอช้า เนื่องจากผู้คนเริ่มใส่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าแบรนด์จะนำข้อมูลของพวกเขาไปใช้อย่างไร ธุรกิจจึงต้องพร้อมดำเนินการด้านความเป็นส่วนตัวเพื่อไม่ให้สูญเสียความเชื่อใจของลูกค้า
การศึกษาวิจัยร่วมกับ BCG ครั้งล่าสุดได้สำรวจผู้ลงโฆษณาและนักพัฒนาแอปจำนวน 178 รายจาก 10 ตลาดในเอเชียแปซิฟิก และพบว่า 87% ของกลุ่มตัวอย่างคาดว่าผู้คนจะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นในอีก 2-4 ปีข้างหน้า และมากกว่า 70% ยังเห็นด้วยว่าการขาดความพร้อมในด้านความเป็นส่วนตัวจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล ซึ่งรวมถึงการสูญเสียความเชื่อใจจากลูกค้าอีกด้วย1
ธุรกิจตระหนักถึงช่องโหว่ด้านความเป็นส่วนตัว
แม้ว่าธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกจะตระหนักดีถึงผลกระทบของการขาดความพร้อมในด้านความเป็นส่วนตัว แต่พวกเขาก็ดูเหมือนจะยังรอดูท่าที กว่า 40% ของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการสำรวจกล่าวว่าตนยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้มีความพร้อมในด้านความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทที่ได้เริ่มศึกษาและทดลองโซลูชันใหม่ๆ ที่เน้นความเป็นส่วนตัวนั้นมีไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ
ธุรกิจต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะความคาดหวังของผู้บริโภคที่สูงขึ้น แต่ภาครัฐทั่วทั้งภูมิภาคก็กำลังปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของประเทศตนให้รัดกุมขึ้นเช่นกัน เกือบ 90% ของธุรกิจที่ทำการสำรวจคาดว่ากฎข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวจะเข้มงวดยิ่งขึ้นในอีก 2-4 ปีข้างหน้า อันที่จริง หลายประเทศในเอเชียแปซิฟิกได้เริ่มใช้กฎหมายใหม่หรือปรับปรุงกฎข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act หรือ PDPA) ของไทยที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
การเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจคืออีกเหตุผลหนึ่งที่ธุรกิจต้องปิดช่องโหว่ด้านความเป็นส่วนตัว บริษัทที่ลงมือดำเนินการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้านความเป็นส่วนตัวแล้วพบว่ายอดขายของตนเพิ่มขึ้น 5-10 เท่า และยอดการทำธุรกรรมของสมาชิกที่เข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น 50% โดยบางส่วนพบว่าตนประหยัดงบประมาณด้านสื่อดิจิทัลได้สูงถึง 10%
ปิดช่องโหว่ด้านความเป็นส่วนตัวเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจ
จากการศึกษา ธุรกิจสามารถมอบโซลูชันที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้และประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวด้วย 2 วิธี
2 วิธีที่ธุรกิจใช้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้ปลอดภัยได้สำเร็จ
ผู้คนคาดหวังให้องค์กรต่างๆจัดการข้อมูลของพวกเขาอย่างรับผิดชอบ และการสร้างความเชื่อใจต้องอาศัยความโปร่งใสและเคารพการให้ความยินยอมของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น นโยบายความเป็นส่วนตัวบนเว็บไซต์หรือแอปของแบรนด์ควรชัดเจน ตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย รวมถึงควรทำให้ผู้ใช้สามารถให้ความยินยอมได้โดยตรงและมีตัวเลือกให้ปิดใช้ได้ทุกเมื่อ
ประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวยังส่งผลให้ผู้ใช้สมัครใจที่จะแชร์ข้อมูลส่วนตัวกับแบรนด์ ซึ่งได้แก่ การเก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น ด้วยขั้นตอนที่เรียบง่ายและราบรื่น จะทำให้ผู้คนเลือกแบรนด์และแชร์ข้อมูลได้อย่างสบายใจ หากทำได้สำเร็จ แบรนด์จะสามารถเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดของตน รวมถึงเพิ่มยอดขายผ่านกลยุทธ์ด้านความเป็นส่วนตัวที่กล่าวไป
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัว
อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในระยะยาวคือการใช้เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูล และโซลูชันการวัดผลที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัวและสามารถรับมือกับแนวทางของอุตสาหกรรมและกฎข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่อุตสาหกรรมของเรากำลังทยอยเลิกใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) และตัวระบุอื่นๆ
ตัวอย่างหนึ่งคือ เทคโนโลยีการตลาดที่ใช้ Machine Learningซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยไม่ต้องขอข้อมูลส่วนตัวอย่างอีเมลหรือชื่อของผู้ใช้แต่อย่างใด อีกตัวอย่างหนึ่งคือวิธีการวัดผลแบบ Marketing Mix Modeling ซึ่งจะช่วยประเมินผลลัพธ์ของโฆษณา โดยที่ยังคงเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อยู่เสมอ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูลที่เชื่อถือได้จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่เก็บรวบรวมจะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต้องไม่ลืมว่าการสร้างความพร้อมด้านความเป็นส่วนตัวเป็นปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าอยู่เสมอ แบรนด์ต้องอัปเดตเทคโนโลยีและความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานเป็นประจำ รวมถึงเปิดใจทดสอบและเรียนรู้โซลูชันการวัดผลใหม่ๆ ด้วย
เมื่อลูกค้าตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แบรนด์จำเป็นต้องรักษาฐานความเชื่อใจเพื่อให้บรรลุความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาว แม้จะไม่มีโซลูชันใดที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ แต่หลักสำคัญคือความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และรับผิดชอบในการเก็บข้อมูลของลูกค้า รวมไปถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัว และสุดท้าย แบรนด์ต้องลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่วันนี้ เพื่อความสำเร็จในการรักษาความเป็นส่วนตัวให้ปลอดภัยในระยะยาว