ปัจจุบันเส้นทางการช็อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์ผ่านหลากหลายช่องทาง ในทุกที่ และทุกเวลาที่ต้องการ พวกเขาอาจเริ่มจากการหาข้อมูลทางออนไลน์ แล้วไปดูสินค้าจริงที่หน้าร้าน แต่ก็อาจจะกลับมาสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์อีกครั้ง ดังนั้นแบรนด์จึงควรที่จะทบทวนกลยุทธ์สื่อออนไลน์เพื่อดึงดูดนักช็อปเหล่านี้ในทุกๆจุดที่พวกเขากำลังมองหาสินค้าอยู่
1. ทีวี ไม่ใช่สื่อเดียวที่กระตุ้นความสนใจนักช้อป
พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอหลักที่คนไทยชื่นชอบ จึงเป็นอีกช่องทางสำคัญในการกระตุ้นความสนใจของนักช็อปในปัจจุบัน แบรนด์จึงต้องทำความเข้าใจผู้บริโภคใหม่ รวมถึงเลือกช่องทางสื่อที่จะทำให้แบรนด์มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด
เคล็ดลับสำหรับแบรนด์:
เข้าถึงและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใช่
แบรนด์สามารถใช้ฟีเจอร์ Advanced Audience Targeting ซึ่งใช้สัญญาณจากตำแหน่งต่างๆ เพื่อแสดงโฆษณาให้กับคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของแบรนด์มากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มเบอร์ดี้ จาก Ajinomoto ได้ใช้ประโยชน์จาก Advanced Audience Targeting ในการทำโฆษณาบน YouTube โดยแบรนด์ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ และได้ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มถึง 4.6% ซึ่งมากกว่ายอดขายของแคมเปญทั่วไปถึง 1.4 เท่า
เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
แบรนด์สามารถแสดงโฆษณาที่ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น จากการค้นหา การรับชมวิดีโอ การใช้ Map รวมถึงการเข้าชมเว็บไซต์ ด้วยการใช้ Google Signals ซึ่งเป็นข้อมูลเซสชันจากเว็บไซต์และแอปที่ Google เชื่อมโยงกับบัญชีผู้ใช้ เพื่อให้โฆษณาแสดงต่อลูกค้าที่เหมาะกับแบรนด์จริงๆ
ใช้ครีเอทีฟที่ตอบโจทย์
เพราะแต่ละกลุ่มลูกค้าก็มีความสนใจที่แตกต่างกันออกไป จึงสำคัญที่ชิ้นงานครีเอทีฟควรจะแตกต่างเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ชมแต่ละกลุ่ม
2. ช่องทางที่ลูกค้าหาข้อมูล ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ผู้บริโภคยุคนี้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ช่องทางการหาข้อมูลเพื่อเลือกซื้อสินค้าของพวกเขาก็มีมากตามไปด้วย แบรนด์จึงควรที่จะไปอยู่ในช่องทางที่ลูกค้ากำลังสนใจค้นหาข้อมูล เพื่อที่จะได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกหลัก และให้สินค้าของแบรนด์ถูกเลือกในที่สุด
เคล็ดลับสำหรับแบรนด์:
ทำให้ลูกค้าเจอข้อมูลของแบรนด์ได้ง่าย
15% ของคำที่ถูกค้นหาในแต่ละวัน เป็นคำใหม่ๆที่ไม่เคยถูกค้นหามาก่อน แบรนด์จึงควรใช้เครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI อย่าง Broad Match เข้ามาช่วยให้แบรนด์ปรากฏขึ้นเมื่อมีการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างเช่น เม็กซ์ ดูโกร จาก Groupe Danone ประเทศไทย ใช้ Broad Match เพื่อจับคำค้นหาทั่วไป (generic keyword) ร่วมกับการใช้ Maximize Conversions เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ส่งผลให้แบรนด์สามารถเพิ่ม Conversion ได้มากขึ้น 35% และลด Cost per Conversion ได้ถึง 39%
3. แค่เจอโฆษณาความต้องการต่อแบรนด์ก็เปลี่ยนไป
กว่า 80% ของนักช็อป แค่เจอโฆษณาความต้องการต่อแบรนด์ก็เปลี่ยนไป2 ในวันที่เหล่านักช็อปพร้อมจะ switch brand ได้ทุกเมื่อ จะทำอย่างไรที่ให้โฆษณาของเราอยู่ในทุกทัชพอยต์ที่สำคัญต่อการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับสำหรับแบรนด์:
อยู่ในทุกทัชพอยต์ที่สำคัญ
Performance Max ถือเป็นหนึ่งโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะได้นำความสามารถของ Machine learning มาเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาของแบรนด์สามารถเข้าถึงทุกจุดที่ลูกค้าอยู่ และสามารถประมวลผลทันทีว่า ลูกค้าที่มาจากทัชพอยต์ไหนสามารถให้ ROI ที่สูงสุดในทุกครั้งก่อนที่จะแสดงโฆษณา
ยกตัวอย่างเช่น Lotus’s ได้ใช้โซลูชั่น Performance Max เพื่อเพิ่มจำนวนการเยี่ยมชมและ conversions ของร้าน Official Store บนแอพ Shopee ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Google โดยสร้างชิ้นงานโฆษณาหลากหลายรูปแบบและเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาเหล่านี้ให้เข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ในทุกทัชพอยต์ ส่งผลให้ ROAS (Return on Advertising Spend) เพิ่มสูงถึง 153% และ ลด (Cost Per Click) ได้ถึง 50%