จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2563 เราพบว่าผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันในช่วงล็อกดาวน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาด ผู้คนในภูมิภาคใช้เวลาว่างในแต่ละวันบนโลกอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยมากขึ้น 1 ชั่วโมง และ 8 ใน 10 รู้สึกว่าเทคโนโลยีช่วยพวกเขารับมือกับสถานการณ์การระบาดนี้ได้ดียิ่งขึ้น1
ในขณะที่การระบาดระลอกใหม่กำลังส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เราจับมือกับ Milieu Insight เพื่อศึกษาว่าบทบาทของเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในช่วง 8 เดือนหลังจากที่เราเผยแพร่รายงานดังกล่าวไป
2 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เวลาออนไลน์มากขึ้น ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563
ความกังวลเรื่องความปลอดภัยเมื่อต้องออกไปซื้อของหรือพบปะสังสรรค์ ทำให้ผู้คนใช้เวลาพักผ่อนนอกบ้านน้อยลงและใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น
ผู้คนใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปี 2564 โดยกว่าครึ่งของผู้คนที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นในปีนี้จะใช้เวลาออนไลน์เพิ่มขึ้น 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิง ซื้อของ หรือติดต่อสื่อสาร โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการทำกิจกรรมเหล่านี้
92% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตพบว่าเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยตอบสนองความต้องการของเขา
ในขณะที่โรคระบาดสร้างความยากลำบากให้กับผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค เทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยตอบสนองความต้องการของพวกเขา
มากกว่า 6 ใน 10 อยากทำงานที่บ้านเป็นหลักต่อไป
นอกจากอินเทอร์เน็ตจะช่วยตอบสนองความต้องการของเราได้แล้ว อินเทอร์เน็ตยังช่วยให้เราสามารถทำงานที่บ้านในสถานการณ์ที่โรคระบาดยังคงแพร่กระจายอยู่ในปัจจุบันนี้
67% ของคนที่ทำงานที่บ้านในสถานการณ์โควิด-19 ชื่นชอบการทำงานแบบไฮบริด (hybrid work arrangement) คือสลับระหว่างเข้าออฟฟิศกับทำงานที่บ้าน แม้จะผ่านสถานการณ์โควิด-19 ไปแล้วเพราะการระบาดได้เปลี่ยนพฤติกรรมทางดิจิทัลของเราไปอย่างถาวร ไม่ว่าจะในเรื่องส่วนตัวหรือการทำงาน
เป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้วที่โรคระบาดส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้กิจกรรมบางอย่างจะต้องหยุดชะงัก แต่อินเทอร์เน็ตก็ช่วยให้คนจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงสิ่งที่ต้องการในชีวิตประจำวันได้ต่อไป
อ่านบทความนี้เพิ่มเติมได้ที่: https://economysea.withgoogle.com/online-with-a-purpose/